น้ำกะทิและน้ำมะพร้าวช่วยรักษาคนศีรษะล้านได้จริงหรือไม่ ?

ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการ หรือการทดลองที่ทำชัดเจนว่าน้ำมันมะพร้าว หรือกะทิสามารถรักษาผมร่วงได้จริงหรือไม่ แต่มีการปฏิบัติกันมาตั้งแต่ในอดีตเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านว่า กะทิสามารถนำมาใช้ในการบำรุงผม บำรุงหนังศีรษะ ทำให้ผมเป็นประกายเงางาม ทำให้ผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดผมร่วง และกระตุ้นการเจริญของผมใหม่ได้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากว่าการสระผมทั่วๆ ไป อาจทำให้โปรตีนที่เคลือบอยู่บนเส้นผมตามธรรมชาติหลุดออกไปในระหว่างที่สระผม ซึ่งส่วนประกอบหลักของเส้นผมคือ โปรตีนที่เรียกว่าเคอราติน (Keratins) กะทิ ที่เคลือบเส้นผมสามารถทำให้โปรตีนเกิดการสูญเสีย ออกไปน้อยที่สุด อาจเนื่องจากว่าโปรตีนในน้ำมันมะพร้าวมีความใกล้เคียงกับโปรตีนของเส้นผม และในน้ำมันมะพร้าวมีส่วนประกอบเป็นไขมันสายกลาง (medium chain triglycerides ; MCT ) : ซึ่ง MCT นี้ สามารถผ่านเข้าออกอย่างอิสระที่ผนังเซลล์ และการที่มีน้ำหนักโมเลกุลน้อยนี้ทำให้สามารถผ่านเข้าออกจากเส้นผมได้อย่าง ง่ายดาย จึงมีประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผมได้ดี อีกทั้งสารเคลือบผมตามธรรมชาติที่เรียกว่า ซีบัม (sebum) ซึ่งคอยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะไม่ให้แห้ง แตกง่ายยังมีส่วนผสมเป็น MCT ซึ่งคล้ายกับที่มีในมะพร้าวด้วย กะทิ ยังช่วยในการดูดซึมวิตามินอี ซึ่งช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิต นำพาสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณหนังศีรษะและรากผมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้กะทิจะมีน้ำมันดังกล่าวแล้ว ยังประกอบไปด้วยเอนไซม์ที่จำเป็นที่มีส่วนช่วยในการหยุดผมร่วง และลดผมหงอกก่อนวัยได้ นอกจากนี้ในกะทิยังมีสารฟาโวนอยท์ (flavonoids) วิตามินอี และ ดี ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญของเส้นผมด้วย มะพร้าวเป็นสารจากธรรมชาติ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่มีพิษ ไม่เป็นสารเคมี จึงไม่เป็นอันตรายหากจะใช้กับเส้นผมหรือหนังศีรษะ วิธีการใช้มะพร้าวในการบำรุงหนังศีรษะ ลดผมร่วง มีได้หลายตำรา ยกตัวอย่างเช่น
1. การใช้กะทิ ควรใช้มะพร้าวแก่ ขูดมะพร้าว มาคั้นกะทิสด ๆ ใช้กะทิประมาณ 1 – 2 แก้ว ขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม ชะโลมกะทิลงบนศีรษะและเส้นผม ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า (ยังไม่ต้องสระผมด้วยแชมพู) วิธีนี้จะทำให้น้ำมันมะพร้าวเคลือบอยู่บนเส้นผมได้นาน ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน แล้วค่อยสระผมด้วยแชมพูอีกครั้งในวันถัดไป วิธีนี้จะทำให้เส้นผมนิ่ม เรียบลื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และจะเริ่มสังเกตได้ว่าผมร่วงลดลง ควรทำวิธีนี้อาทิตย์ละครั้ง แม้ว่าผมร่วงจะดีขึ้นแล้วก็ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 – 3 อาทิตย์ต่อครั้ง วิธีนี้ไม่เฉพาะลดผมร่วงได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ผมร่วงจะเริ่มสังเกตเห็นว่าลดลงเมื่อทำไปประมาณ 2 สัปดาห์ และได้ผลดีเมื่อทำไปแล้ว ประมาณ 2 เดือน อาจเพิ่มประสิทธิภาพโดยการใช้กะทิที่อุ่น ๆ
2. อาจใช้น้ำมันมะพร้าวที่สกัดแล้ว ควรเลือกน้ำมันมะพร้าวที่ใช้วิธีสกัดเย็น เนื่องจากไม่มีการสูญเสียวิตามินธรรมชาติที่มีอยู่ในมะพร้าวไปกับความร้อนใน ขั้นตอนการสกัด ชะโลมที่บริเวณหนังศีรษะ และเส้นผมแล้วนวด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง อาจทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกตอนเช้า การใช้นิ้วมือนวดหนังศีรษะจะช่วยกระตุ้นเส้นเลือดที่มาเลี้ยงหนังศีรษะได้ ด้วย

ยาที่ทำให้เกิดภาวะผมร่วงหรืออาการผมร่วง

ผลข้างเคียงของยาบางชนิดอาจทำให้เกิดภาวะผมร่วง กระตุ้นให้เกิดศีรษะล้านได้ ยาเหล่านั้นที่อาจทำให้เกิดภาวะนี้ได้แก่

  1. กลุ่มยารักษาสิว ได้แก่ ยาที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A เช่น Accutane (isotretinoin) ยากลุ่มนี้นอกจากจะทำให้มีเยื่อบุอ่อนแห้งแตกลอกเป็นขุยแล้ว ยังทำให้ผมร่วงได้มากๆ เลย
  2. ยาลดการแข็งตัวของเลือด มักใช้ในผู้ป่วยหลังการผ่าตัดลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยที่มีลิ่มเลือดอุดตัน Panwarfin® (warfarin Sodium), Sofarin®, Coumadin Heparin injections
  3. ยาลดคลอเลสเตอรอลในเลือด Atromid–s® ( clofibrate) Hidil®, Lopid® ( gemfibrozil)
  4. ยากันชัก
  5. ยาต้านโรคซึมเศร้า ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและยาคลายเครียด ได้แก่
    Anafranil® ( clomipramine)
    Elavil® ( amitriptyline)
    Norpramin® (desipramine hydrochloride)
    Pamelor® (nortriptyline)
    Paxil® (paroxetine)
    Prozac® (fluoxetine)
    Sinequan® (doxepin)
    Surmontil® (trimipramine)
    Tofranil® (imipramine)
    Vivactil® (protriptyline)
    Zoloft® (sertraline)
  6. ยาลดน้ำหนัก ได้แก่ ยากลุ่มอนุพันธ์ของ Amphetamines ซึ่งใช้ลดน้ำหนักทำให้ความอยากอาหารลดลง
  7. ยาฆ่าเชื้อรา ได้แก่ KetoconaZole Fluconazole
  8. ยารักษาโรคเก๊าฑ์ ยาลดกรดยูริค ได้แก่ Zyloprim® (allopurinol)
  9. ยาหยอดตารักษาโรคต้อหิน ได้แก่ กลุ่มต่อต้านเบต้า (Beta – blocker drugs) เช่น Timolol® eye drops.
  10. ยาลดความดันโลหิต ใช้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ได้แก่ กลุ่มยาต่อต้านเบต้า (Beta – blockers)
    Tenormin® (Atenolol)
    Lopressor® (metoprolo)
    Corgard® (nadolol)
    Inderal® (propanolol)
    Blocadren® (timolol)
  11. ยากลุ่มฮอร์โมน ทั้ง ฮอร์โมนเพศหญิง และฮอร์โมนเพศชายได้แก่ ยาเม็ดคุมกำเนิด
    * การใช้ฮอร์โมนทดแทนในหญิงวัยทอง เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน (estrogen และ progesterone)
    * ยาฮอร์โมนเพศชาย แอนโดรจีนิกและเทสโทสเตอโรน (Male androgenic hormones and testosterone)
    * สเตียรอยด์ ได้แก่ Prednisolone
  12. ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ ยาแก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ ได้แก่ Naprosyn® (Naproxen), Indocin® (indomethacin), Clinoril® (sulindac)
  13. ยารักษาโรคพาร์กินสัน ได้แก่ Levadopa/L – dopa (Dopar,Laradopa)
  14. ยารักษาไทรอยด์ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน
  15. ยารักษาแผลในกระเพาะอาหารหรือยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ได้แก่ Pepcid® (famotidine), Zantac® (ranidine), Tagamet® (Cimetidine)

ผมร่วงเป็นหย่อมๆ รักษาได้อย่างไร ?

การรักษาผมร่วงเป็นหย่อม ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ผมมีการขึ้นใหม่ในบริเวณที่ร่วงได้เร็วและดีกว่าการปล่อย ให้หายเองแบบธรรมชาติ ในขณะที่อาจพบว่ามีวงของผมที่ร่วงใหม่เกิดขึ้นได้ เป็นไปตามลักษณะการดำเนินไปของโรค การหายของโรคนี้เกิดขึ้นโดยร่างกายเองเท่านั้น ที่จะหยุดภาวะความแปรปรวนของภูมิคุ้มกันที่ไปทำลายต่อรากผม ผมจึงจะหยุดร่วง ดังนั้นการใช้ยาจึงต้องใช้อย่างต่อเนื่องไปจนกว่าภาวะดังกล่าวดีขึ้น หากหยุดยาก่อน ผมที่ขึ้นจากการกระตุ้นของยาอาจร่วงหลุดไปได้เช่นกัน ยาที่ใช้ในการรักษาได้แก่

  1. ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
    มีฤทธิ์ลดการอักเสบและกดการสร้างภูมิคุ้มกัน มีการใช้ทั้งในรูปของยาทาเฉพาะที่, ยากิน และยาฉีดเฉพาะที่เข้าใต้ผิวหนังบริเวณที่มีผมร่วง สเตียรอยด์ที่นิยมใช้ได้แก่ Clobetasol หรือ Fluocinonide และที่อยู่ในรูปของยาทาหรือ ยาฉีดเฉพาะที่ ในรูปของยาฉีดมักใช้เมื่อผมร่วงเป็นหย่อมเล็กที่บริเวณหนังศีรษะหรือร่วงที่ บริเวณคิ้วหรือหนวด การฉีดจะต้องฉีดทุก ๆ 3 – 6 สัปดาห์ ถ้าเป็นในระยะแรกอาจรักษา โดยการใช้ยาสเตียรอยด์บริเวณที่หลุดร่วง อย่างไรก็ตามการทายาเพียงอย่างเดียวอาจได้ผลไม่ดีนัก เนื่องจากการดูดซึมของยาผ่านบริเวณหนังศีรษะจนถึงระดับของรากผมอาจน้อยกว่า ปริมาณของยาที่ต้องการในการรักษา การรักษาจะเริ่มเห็นผลเมื่อใช้ยาต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน การใช้ยาสเตียรอยด์ในรูปของยากินได้ผลดีในการลดผมร่วง แต่อาจพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เนื่องจากต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานจนกว่าโรคจะสงบเอง หากหยุดยาก่อนผมจะกลับมาร่วงใหม่ได้ ดังนั้นจึงนิยมใช้ในกรณีที่มีผมร่วงเป็นวงกว้าง หรือมีขนร่วงร่วมด้วย หรือใช้ในช่วงระยะแรกในการรักษา ร่วมกับยาทา
  2. ยาทาไมนอกซิดิล 5% (Topical minoxidil 5% solution)
    สามารถกระตุ้นผมขึ้นใหม่ได้ การใช้จะใช้ทาบริเวณที่ร่วงได้ทั้งที่หนังศีรษะ, หนวด, เครา, คิ้ว วันละ 2 ครั้ง สามารถใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การขึ้นใหม่ของผมจะเริ่มสังเกตเห็นได้เมื่อใช้ยาต่อเนื่องไปประมาณ 3 เดือน
  3. แอนทราลิน (Anthralin)
    เป็นผงถ่านสังเคราะห์ มีฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการทำงานของภูมิคุ้มกันที่บริเวณผิวหนัง การใช้ทาไว้บริเวณที่มีผมร่วง 20 – 60 นาที แล้วล้างออก เพื่อป้องกันไม่ให้หนังศีรษะเกิดภาวะระคายเคือง ในบางครั้งอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาผมร่วงเป็นหย่อม ๆ

เคล็ดลับในการดูแลผมมันหรือหนังศีรษะมัน

ภาวะผมมันหรือหนังศีรษะมัน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ความไม่สมดุลของฮอร์โมน สภาวะแวดล้อม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมบริเวณศีรษะ ส่วนใหญ่หนังศีรษะที่มันจะพบว่าร่วมกับผิวมัน อาจพบในหญิงตั้งครรภ์ได้ หนังศีรษะที่มันมาก ๆ มีความสำคัญและทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้ เคล็ดลับข้างล่างนี้จะช่วยในการดูแลผมมัน

  1. ใช้แชมพูอ่อน, แชมพูสำหรับผมมัน, แชมพูสำหรับหนังศีรษะแห้ง หรือแชมพูสำหรับเด็ก
  2. สระผมทุกวัน เน้นแชมพูที่บริเวณผม ไม่ใช่บริเวณหนังศีรษะ เนื่องจากอาจทำให้หนังศีรษะแห้งมากได้
  3. ล้างผมด้วยน้ำเย็น หรือน้ำอุ่นเล็กน้อยมาก ๆ จนผมสะอาดดี เนื่องจากแชมพูที่ตกค้างบริเวณหนังศีรษะ จะทำให้หนังศีรษะแห้งมากได้
  4. ใช้ทรีทเมนท์น้ำมันร้อน (hot oil treatment) นวดบริเวณหนังศีรษะๆ แล้วล้างออก ไม่ให้เหลือตกค้างที่บริเวณเส้นผม
  5. ถ้าผมมันมาก อาจไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผม (conditioner) หรืออาจใช้ครีมนวดผมเฉพาะบริเวณปลายผมเท่านั้น
  6. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันใส่ผม ครีมแต่งผมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ โดยเฉพาะที่ทำจากกรีเซอรีนหรือซีรีโคน (glycetine and silicone) เนื่องจากจะทำให้ผมมันมากขึ้นไปอีก
  7. ถ้าผมมันมาก ๆ อาจผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนในน้ำ 4 ส่วน ใช้ล้างผมครั้งสุดท้าย หรืออาจใช้น้ำมะนาวผสมน้ำ แทนน้ำส้มสายชูในการล้างผม ทำให้ได้ผมที่พึงพอใจมากกว่าในการลดผมมัน
  8. ไม่ควรหวีผมมากเกินไป เนื่องจากการหวีผมบ่อยมากเกินไปจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามาก
  9. การถูหรือเกาหนังศีรษะมาก ๆ ทำให้หนังศีรษะผลิตไขมันออกมามากขึ้น
  10. แชมพูที่มีส่วนผสมจากสารธรรมชาติ ต่อไปนี้ อาจช่วยในการลดความมันและฟื้นฟูสภาพเส้นผม
    - น้ำมันโจโจบา (Jojoba oil) เนื่องจากมีส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตน้ำมันเคลือบผม (sebum) จะช่วยลดความแห้งของผมจากการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อลดความมันของผมที่แรงเกินไป ได้
    - น้ำมันโรสแมรี่ (Rosemary oil) เป็นสารทำความสะอาดหนังศีรษะที่ดี และช่วยการกระตุ้นรากผม
    - น้ำมันทีทรี (Tea tree oil) อ่อนบางและช่วยกำจัดความมันที่มากเกินไปบนเส้นผม ช่วยกำจัดรังแคและแบคทีเรีย
    - Sage ช่วยในการละลายน้ำมันที่เกาะอยู่ที่เส้นผมและช่วยทำให้เส้นผมหนาขึ้น
    - ยูคาลิปตัส (Eucalyptns) ช่วยให้หนังศีรษะกลับมาผลิตน้ำมันได้อย่างสมดุล โดยควบคุมการผลิตจากต่อมไขมัน (Sebum) ลดและกำจักการอักเสบของหนังศีรษะ
    - Chamomile คาโมมายล์ ช่วยทำให้ผมเป็นประกายและแข็งแรง ไม่แนะนำให้ใช้ในผมที่ทำสี เนื่องจากจะทำให้สีผมอ่อนลง โดยเฉพาะผมที่ทำไฮไลท์ (highlights) อาจทำให้สีผมบริเวณไฮไลท์อ่อนลงเป็นสีด่างๆ
    นอกจากนี้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถลดความมันของเส้นผมได้ ได้แก่ อโลเวรา (aloe) , ไข่ขาว , เมนทอล (menthol), ซอบิทอล (sorbitol), kaolin - ดินขาว, กรดผลไม้ (citric acid), แป้ง (starch)

สมุนไพรแต่ละชนิดช่วยเรื่องผมร่วงอย่างไร

  1. อโลเวรา (Aloe Vera) มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ, ให้ความชุ่มชื้น, หล่อเลี้ยง และช่วยให้เส้นผมคงความแข็งแรง หนา มีการศึกษาพบว่าพืชชนิดนี้มีสารสำคัญตามธรรมชาติ 5 อย่าง ที่ช่วยป้องกันหนังศีรษะอักเสบ
  2. ลาเวนเดอร์ (Lavender) มีฤทธิ์ที่ดีมากในการต้านการอักเสบและต้านแอนโดรเจน สามารถใช้ในการรักษาภาวะผมร่วงจากกรรมพันธุ์ได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้ผมดูหนาและเปล่งประกายมากขึ้น
  3. พริก (apsicum) เร่งการขึ้นใหม่ของเส้นผมและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตที่บริเวณหนังศีรษะ พริกเป็นสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมในการช่วยลดภาวะผมร่วงที่เกิดจากการที่เลือดและ สารอาหารไปหล่อเลี้ยงหนังศีรษะลดลง
  4. เบอร์ดอก (Burdock) ช่วยในการรักษาภาวะมีการระคายเคืองของหนังศีรษะ และช่วยทำให้ผมที่บางลง หนาขึ้น นอกจากนี้ยังให้กรดไขมันที่จำเป็น (essential fatty acids) และไขมันธรรมชาติจากพืช (natural phytosterols) กับรากผม ดังนั้นจึงทำให้ผมแข็งแรงและดูเป็นประกาย
  5. ขิง (Ginger) ช่วยในการกระตุ้นการเจริญของรากผม และมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบอยู่มาก จึงช่วยให้เส้นผมแต่ละเส้นมีความหนาเพิ่มขึ้น
  6. โรสแมรี่ (Rosemary) กระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่หนังศีรษะ และช่วยกำจัดไขมัน (sebum) และลดรังแคที่หนังศีรษะได้
  7. เสจ (Sage) ประกอบไปด้วยสารชำระล้างทำความสะอาด และสารต่อต้านเชื้อโรค (anti – septic) กระตุ้นการเจริญของเส้นผม และยังช่วยทำให้ผมแข็งแรงและหนาตัวขึ้น

แก้ปัญหาผมร่วงด้วยตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ

วิธีแก้ผมร่วงโดยวิธีธรรมชาติด้วยตนเอง วิธีการที่แนะนำนี้ ทางไทยแฮร์เซ็นเตอร์ รวบรวมและคัดสรรมา คุณสามารถใช้ร่วมระหว่างการรักษาที่ไทยแฮร์เซ็นเตอร์ได้ มีการรักษาโดยวิธีการใช้สารธรรมชาติที่อาจทำได้ โดยคุณสามารถเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้

  1. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันเอสเซนเชียล (essential oil) 2- 3 หยดหรือ น้ำมันพืชเช่น น้ำมันมะกอก นวดจนซึมเข้าสู่หนังศีรษะจนทั่ว ห่อด้วย พลาสติก หรือผ้าอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเล็กน้อย และแชมพูอ่อน ปฏิบัติเป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยให้รูขุมขนชุ่มชื่นขึ้น
  2. ผสมน้ำแอปเปิ๊ล กับ ชาเขียว ล้างผมเป็นประจำ จะช่วยให้ผมเจริญขึ้นใหม่ได้ดีขึ้น
  3. ผสมน้ำมันละหุ่งอุ่นเล็กน้อยและน้ำมันเมล็ดแอลมอนด์ นวดหนังศีรษะโดยทั่ว อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
  4. บดเมล็ดมะนาวกับพริกไทยดำผสมเข้าด้วยกันในขนาดเท่า ๆ กันในน้ำ ทาบริเวณหนังศีรษะเป็นประจำ
  5. ทาหนังศีรษะบริเวณที่ล้าน ด้วยหัวหอม แล้วตามด้วยน้ำผึ้ง ทำวันละ 1 ครั้ง
  6. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์วันละ 1 ครั้ง ช่วยลดผมร่วง
  7. นวดหนังศีรษะและผมด้วย น้ำมันมะพร้าวและอโลเวราเจล ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเล็กน้อย ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  8. นวดหนังศีรษะและผมด้วยน้ำผึ้งผสมไข่แดงทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก เพื่อป้องกันการหลุดร่วงของผม
  9. รับประทานงาขาว 1 กำมือทุกวันตอนเช้า 1 กำมือของงาขาวจะมีแคลเซียมและแมกนีเซียม 1,200 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มสารอาหารของหนังศีรษะให้แข็งแรงขึ้น
  10. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันมะพร้าว ทุกวัน 10 -15 นาที ใช้น้ำต้มใบสะเดาทิ้งไว้ให้เย็น ช่วยในการล้างน้ำมันมะพร้าวออก
  11. เพิ่มการรับประทานเนื้อสัตว์ ถั่ว (เพิ่มการรับประทานโปรตีน) โดยเฉพาะโปรตีนจากถั่วเหลืองหรือนมถั่วเหลืองถ้าสามารถกินได้วันละ 1/2 ลิตรได้ เส้นผมจะงอกใหม่เร็วมาก
  12. รับประทานโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน
  13. เพิ่มอาหารพวกผักใบเขียว สลัด จมูกข้าวสาลี และธัญพืช

แก้ปัญหาผมร่วงด้วยตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ

วิธีแก้ผมร่วงโดยวิธีธรรมชาติด้วยตนเอง วิธีการที่แนะนำนี้ ทางไทยแฮร์เซ็นเตอร์ รวบรวมและคัดสรรมา คุณสามารถใช้ร่วมระหว่างการรักษาที่ไทยแฮร์เซ็นเตอร์ได้ มีการรักษาโดยวิธีการใช้สารธรรมชาติที่อาจทำได้ โดยคุณสามารถเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้

  1. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันเอสเซนเชียล (essential oil) 2- 3 หยดหรือ น้ำมันพืชเช่น น้ำมันมะกอก นวดจนซึมเข้าสู่หนังศีรษะจนทั่ว ห่อด้วย พลาสติก หรือผ้าอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเล็กน้อย และแชมพูอ่อน ปฏิบัติเป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยให้รูขุมขนชุ่มชื่นขึ้น
  2. ผสมน้ำแอปเปิ๊ล กับ ชาเขียว ล้างผมเป็นประจำ จะช่วยให้ผมเจริญขึ้นใหม่ได้ดีขึ้น
  3. ผสมน้ำมันละหุ่งอุ่นเล็กน้อยและน้ำมันเมล็ดแอลมอนด์ นวดหนังศีรษะโดยทั่ว อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
  4. บดเมล็ดมะนาวกับพริกไทยดำผสมเข้าด้วยกันในขนาดเท่า ๆ กันในน้ำ ทาบริเวณหนังศีรษะเป็นประจำ
  5. ทาหนังศีรษะบริเวณที่ล้าน ด้วยหัวหอม แล้วตามด้วยน้ำผึ้ง ทำวันละ 1 ครั้ง
  6. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์วันละ 1 ครั้ง ช่วยลดผมร่วง
  7. นวดหนังศีรษะและผมด้วย น้ำมันมะพร้าวและอโลเวราเจล ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเล็กน้อย ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  8. นวดหนังศีรษะและผมด้วยน้ำผึ้งผสมไข่แดงทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก เพื่อป้องกันการหลุดร่วงของผม
  9. รับประทานงาขาว 1 กำมือทุกวันตอนเช้า 1 กำมือของงาขาวจะมีแคลเซียมและแมกนีเซียม 1,200 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มสารอาหารของหนังศีรษะให้แข็งแรงขึ้น
  10. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันมะพร้าว ทุกวัน 10 -15 นาที ใช้น้ำต้มใบสะเดาทิ้งไว้ให้เย็น ช่วยในการล้างน้ำมันมะพร้าวออก
  11. เพิ่มการรับประทานเนื้อสัตว์ ถั่ว (เพิ่มการรับประทานโปรตีน) โดยเฉพาะโปรตีนจากถั่วเหลืองหรือนมถั่วเหลืองถ้าสามารถกินได้วันละ 1/2 ลิตรได้ เส้นผมจะงอกใหม่เร็วมาก
  12. รับประทานโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน
  13. เพิ่มอาหารพวกผักใบเขียว สลัด จมูกข้าวสาลี และธัญพืช

เคล็ดลับวิธีการดูแลป้องกันผมร่วงเบื้องต้น 17 ข้อ เพื่อลดปัญหาผมร่วง

เคล็ดลับวิธีการป้องกันผมร่วงต่างๆ ต่อไปนี้ ทางไทยแฮร์เซ็นเตอร์ได้รวบรวมจากประสบการณ์การรักษาผู้ที่มีปัญหาผมร่วงทั้ง หญิงและชาย จึงอยากนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางการดูแลรักษาตัวเองและช่วยลดปัญหาผมร่วงผมบาง อีกทางหนึ่งในเบื้องต้น
โดยทั่วไปคนเรามีผมบนศีรษะประมาณ 100,000-120,000 เส้น และจะมีการหลุดร่วงออกไปประมาณวันละ 50-100 เส้น ประมาณ 90% ของผมบนศีรษะ จะอยู่ในระยะการเจริญ และ 10% จะอยู่ในระยะพัก ก่อนที่จะหลุดร่วงออกไป เคล็ดลับเบื่องต้นง่ายๆ 17 ข้อ ที่ทำให้ผมมีสุขภาพแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายอาจทำได้ดังนี้

  1. ลดการรับประทานเกลือ และน้ำตาลมากเกินไป (ผัก ผลไม้ส่วนใหญ่จะมีเกลือและน้ำตาลในตัวเองอยู่แล้ว)
  2. งดเหล้าและบุหรี่ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดรังแคและผมร่วงมากขึ้น
  3. ไม่ควรสระผมบ่อยมากเกินไป โดยทั่วไปไม่ควรเกินวันละ 1 ครั้ง ใช้แชมพูอ่อน มีส่วนประกอบเป็นแบบ organic และไม่เป็นด่างมากเกินไป ควรใช้แชมพูที่ให้ความชุมชื่นต่อเส้นผมและไม่ทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไป หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีน้ำหอมหรือสารฟอก ถ้าเป็นไปได้คนที่ผมมันควรสระผมบ่อยขึ้น คนที่ผมแห้งควรใช้แชมพูที่เป็นด่างอ่อน ๆ และใช้ครีมบำรุงผมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผม ยกเว้นในคนที่มีปัญหาหนังศีรษะมันไม่แนะนำให้ใช้ครีมนวดผม
  4. อาจนอนให้ศีรษะต่ำกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเป็นบางช่วง (ครั้งละประมาณ 15 นาทีต่อวัน) เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปที่ศีรษะ
  5. นวดหนังศีรษะด้วยมือ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด อาจใช้วิตามิน E นวดเพื่อลดรังแคหรืออาจนวดด้วยน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ หรือน้ำมันมะพร้าว
  6. หลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดลงและทำให้ผมร่วงมากขึ้น
  7. กินอาหารให้ครบหมู่ และถูกสุขลักษณะ อาจเพิ่มวิตามินหรือเกลือแร่แสริมในกรณีที่กินอาหารได้ไม่ครบหมู่
  8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นการเพิ่มการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย
  9. ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละไม่น้อยกว่า 2 ลิตร
  10. หลังจากว่ายน้ำ ควรล้างผมด้วยน้ำสะอาดทันที
  11. หลีกเลี่ยงแดดจ้า โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 โมง แสงอัลตราไวโอเลตจะทำลายเส้นผม
  12. หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ใช้กับผม เช่น การย้อมผม, ยืดผมและไม่ควรเป่าผมด้วยความร้อนบ่อย ๆ
  13. เลือกทรงผมที่ไม่ดึงรั้งผมมากเกินไปบ่อย ๆ เช่น การถักเปียแน่นหรือรัดผมแน่นเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดผมร่วงจากการดึงรั้งได้ และไม่ควรผูกผมขณะที่ผมยังเปียกชื้น
  14. การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย หรือการนั่งสมาธิทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด อาจช่วยลดอาการผมร่วงได้
  15. ไม่ควรหวีผมหรือเช็ดผมแรงเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผมขาดหลุดร่วงง่าย
  16. การหมักผมด้วยสารธรรมชาติบางชนิด เช่น น้ำผึ้งผสมไข่แดง หรือ น้ำแอ๊ปเปิ้ลหมักไว้ 1/2 ชั่วโมง แล้วล้างออกก่อนสระผม ช่วยทำให้ผมนุ่มขึ้น
  17. เมื่อมีปัญหาผมร่วง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรักษาเนื่องจากหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะศีรษะล้าน ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพได้

ปัญหาและสภาพของเส้นผม

ผมมีรังแค
       ภาวะของเส้นผม ที่มีรังแค เกิดขึ้นได้เนื่องจากมีเชื้อยีสต์บนหนังศีรษะมากกว่าปกติ ชื่อ "Pityrosporum ovale"  โดยทั่วไป ผู้ที่มีผมมัน มักจะมีรังแคมากกว่าผมธรรมดาทั่วไป ลักษณะของหนังศีรษะ จะลอกเป็นแผ่นขุย บางครั้งเป็นสะเกิดหนาขึ้นได้ มักมีอาการคันร่วมด้วย บางคนคันมาก บางคนคันน้อย แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ เพราะฉะนั้นถ้าใครมีรังแคมาก ลองล้มตัวลงนอนที่หมอนใบหนึ่ง แล้วเราลองล้มตัวลงนอนที่หมอนใบเดียวกัน ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้เส้นผมของเราติดรังแคมาด้วย ทำให้เส้นผมมีรังแค เพราะไม่ใช่โรคติดต่อนะคะ ไม่เหมือนกับโรคเหา ซึ่งติดต่อได้ง่าย ผู้ที่ผมมีรังแค ถ้ารังแคเกิดมากขึ้น จะทำให้ผมร่วงมากขึ้นได
        สาเหตุที่ทำให้ผมมีรังแคมากนั้น อันเนื่องมาจาก
1. ความเครียด วิตก กังวล (stress)
2. การทำงานหนักมากเกินไป
3. การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
4. มักจะเป็นกรรมพันธุ์ เช่น มีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นรังแค จะส่งผลมาถึงลูกหลานได้
 
ผมร่วง/ผมบาง         ปัญหา ผมร่วงและผมบาง เราทุกคน ทั้งควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ยกตัวอย่างกรณีที่ควบคุมได้ เช่นการใช้เครื่องอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันของเราที่ต้องสัมผัสแทบทุกวัน ทั้งสบู่ แชมพูสระผม เจล หรือโลชั่นต่างๆ ฯลฯซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่วนมากเป็นสารเคมี บางท่านใช้แล้วเกิดอาการแพ้ หรือกรณีแชมพูสระผม ซึ่งต้องใช้อยู่เป็นประจำ ถ้าเกิดใช้แชมพูที่มีฤทธิ์แรงจนเกินไป ก็อาจสร้างปัญหาให้กับเส้นผมได้ เส้นผมอาจร่วงมากขึ้น หรือเกิดอาการแพ้สารบางชนิดในแชมพู สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อผมร่วงและผมบาง ทางที่ดีผู้ใช้ควรหมั่นตรวจสอบดูผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เราใช้ในชีวิตประจำวันที่ จะมีผลกระทบต่อทุกส่วนของสรีระของเรา เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาติดตามมาในภายหลัง นอกจากแชมพูแล้ว ยังมีสารเคมีอื่นๆอีกมากมายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสวย เส้นผม ถ้าลดสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะเป็นผลดีกับสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมโดยตรง เพราะสิ่งเหล่านี้เราทุกคนสามารถควบคุมใช้หรือไม่ใช้ได้ เราควรเลือกใช้แต่เฉพาะส่วนที่จำเป็นจริงๆที่ต้องใช้เท่านั้น นอกจากปัจจัยต่างๆที่เราสามารถควบคุมได้แล้ว ยังมีปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ในบางครั้งคราว เช่นมลพิษต่างๆ ความเครียด ภาวะแสงแดดที่ร้อนจัด ฯลฯ
     ปัญหาของผมร่วง มาจาก 2 สภาวะ ดังนี้
1 ) ผมร่วง จากรากผมถูกทำลาย
      ผมที่ร่วงจากรากผมถูกทำลายมาจากหลายๆสาเหตุด้วยกัน
- ผมร่วงจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศทั้งชายและหญิง ก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงได้ ฮอร์โมนบางชนิด ( DHT ) จะเข้าไปทำลายรากของเส้นผมโดยเฉพาะตรงบริเวณส่วนหน้าในเพศชาย
- รากผมถูกทำลายจาก เกลือและยูเรีย ที่ถูกขับออกมาในรูปของเหงื่อผ่านทางรูขุมขน เกลือและยูเรียมีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นอันตรายต่อเส้นผม
- รากผมถูกทำลายจากโรคบางชนิด เช่น มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง เอ็ดส์ ฯลฯ เนื่องจากโรคบางชนิดเหล่านี้มีผลกระทบต่อความสมดุลของร่างกาย ทำให้เซลบางส่วนของร่างกายเสื่อมได้รวมทั้งเซลรากผม
- รากผมถูกทำลายจากการรับประทานยาบางชนิด ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการรับประทานยาเข้าไป ทำให้เซลบางส่วนรวมถึงรากผมเสื่อมลงได้และสลายไปในที่สุด
- รากผมถูกทำลายจากสารเคมีบางชนิด ซึ่งมีผลกระทบต่อรากผมหรือยั้บยั้งการเจริญเติบโตของรากผมได้

2 ) ผมร่วง จากการอักเสบของผิวหนังศีรษะ
- จากการแพ้สารเคมีบางชนิด ก่อให้เกิดการอักเสบที่บริเวณผิวหนังศีรษะ และมีผลกระทบไปถึงเส้นผม ทำให้ผมหลุดร่วงง่ายขึ้น
- จากการย่อยสลายไขมันและสิ่งสกปรกที่ร่างกายขับออกมาผ่านทางรูขุมขนของ แบคทีเรียในบรรยากาศ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะมัน จะพบกับอาการคันศีรษะบ่อยๆ การเกาก่อให้เกิดการอักเสบบริเวณผิวหนังศีรษะและอาจติดเชื้อได้ง่ายๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาผมร่วง และผมที่ร่วงจะรุกลามบริเวณใกล้เคียงได้

      นอกจากนี้ปัญหาผมร่วง ยังมีสาเหตุมาจากหลายๆส่วนอีกมากมาย เช่น ผมร่วงผิดปกติจากสาเหตุฮอร์โมนเพศเปลี่ยนแปลง ที่เรียกว่ามาจากพันธุกรรมนั่นเอง ผมจะบางบริเวณตรงกลางศีรษะ กลางกะหม่อม ( รูปไข่ / รูปตัววี ) รวมถึงด้านหน้า และด้านข้าง จะมีผลตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปและจะรุนแรงในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนแอนโดรเจนเป็นส่วนประกอบ ถ้ารับประทานบ่อยๆหรือเป็นประจำก็จะพบกับปัญหาผมร่วงมากผิดปกติเช่นกัน สตรีภายหลังการคลอดบุตรใหม่ๆ เส้นผมจะหลุดร่วงมากกว่าปกติ เนื่องจากการปรับสภาวสมดุลของร่างกายและฮอร์โมน เมื่อร่างกายปรับเข้าสู่สภาวะสมดุลตามปกติแล้ว เส้นผมใหม่ก็จะงอกขึ้นมาทดแทน ผู้ที่มีความเครียดทางอารมณ์สะสมเป็นเวลานานๆ ก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงผิดปกติได้เช่นกัน ผมร่วงจากปัญหาสุขภาพ เช่น มีการผ่าตัดใหญ่ ลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว มีปัญหาโรคโลหิตจาง ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางต่อมไทรอยด์ ไตวาย ต่อมหมวกไตอักเสบ การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยารักษาโรคเก๊า ยารักษาโรคไขข้ออักเสบ ยาต้านมะเร็ง การรับประทานวิตามินเอมากจนเกินไป จะมีผลทำให้ผมร่วงได้ ฉีดคีโม และอื่นๆ ปัจจัยส่วนอื่นๆ ที่สนับสนุนให้ผมร่วง เช่น การสระผมที่ไม่ถูกวิธี การสระผมที่รุนแรง การเช็ดผมที่รุนแรง การขยี้ผม การคุ้ยแคะ แกะเกาต่างๆ การสวมหมวกกันน็อกป็นประจำ ซึ่งจะทำให้หนังศีรษะร้อนอบอ้าว ปลีกแฉะด้วยเกลือ(เหงื่อ) การยืดผม การดัดผม โกรกสีผม กัดสีผมและใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์ที่รุนแรงต่อเส้นผม รังแคบนหนังศีรษะหากไม่รักษาก็ส่งผลให้ผมร่วงได้ง่าย ผู้ที่มีโภชนาการไม่ปกติ ทำให้ร่างกายขาดโปรตีน ขาดธาตุเหล็ก เส้นผมจะหยุดการเจริญเติบโตและหลุดร่วงในที่สุด ลดอาหารประเภทไขมันสูงและรสจัดๆ เน้นพืชผักสีเขียว พักผ่อนให้เพียงพอ

โครงสร้างของเส้นผม

โครงสร้างของเส้นผม
 
 
          เส้นผมเป็นสิ่งไม่มีชีวิตประกอบด้วยโครงสร้างโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน เส้นผมมี 3 ส่วนซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันดังนี้
1.เกล็ดผม Cuticle
                 เกล็ดผมเป็นโปรตีนที่มีลักษณะซ้อนกันอยู่เป็นวงรอบเส้นผมคล้าย เกล็ดปลาซ้อนกันประมาณ 8-10 ชั้น เกล็ดผมไม่มีสี เป็นเกล็ดใสๆ โปร่งแสงช่วยปกกันการซึมผ่านของสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปทำลายเส้นผม และยังปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น,เม็ดสี รวมถึงน้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ผมดูเป็นเงา
 เกล็ดผมจะเปิดก็ต่อเมื่อมีความร้อน ความชื้น ทั้งจากธรรมชาติและเคมีบ้างตัวเข้ามาทำปฏิกิริยากับเส้นผมเป็นที่สังเกตว่า ผมที่สุขภาพดีเกล็ดผมจะปิดและเรียงตัวกันดี ส่วนผมที่เริ่มแห้งเสียเกล็ดผมจะฉีกขาดและไม่สามารถเรียงตัวปิดได้ทำให้ เกล็ดผมไม่สามารถปกป้องความชุ่มชื้นภายในและทำให้แห้งเสียเพิ่มขึ้นหากขาด การบำรุง

2.เนื้อผม Cortex
                เนื้อผมเป็นแหล่งรวมของเม็ดสีเมลานิน โปรตีน เคราติน และเส้นใยโปรตีนที่เกาะเกี่ยวกันกำหนดโครงสร้างตามธรรมชาติ ช่วยให้ผมมีความยืดหยุ่นแข็งแรง มีประมาณ 80% ของเส้นผม ดังนั้นการทำงานเคมีซึ่งต้องเปลี่ยนโครงสร้างและสีผม จึงต้องเข้ามาทำงานที่ชั้นนี้

3.แกนผม Medulla
                 แกนผมเกิดจากโปรตีน และไขมัน แกนผมไม่มีบทบาทในการทำงาน ส่วนมากจะพบในผมที่มีสภาพแข็งแรง และผมเส้นเล็กมักไม่มีแกนผม

 
 
หลักการวิเคราะห์โครงสร้างเส้นผม, สภาพเส้นผม, หนังศีรษะ
 
 
 
 1.โครงสร้างเส้นผม   คือลักษณะของเส้นผมธรรมชาติที่มีมาแต่กำเนิด โดยดูจากเส้นผมบริเวณโคน แบ่งออกเป็น
      -ผมเส้นใหญ่
      -ผมธรรมดา
      -ผมเส้นเล็ก

2.สภาพเส้นผม   คือลักษณะของเส้นผมที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยสภาพแวดล้อม หรือสารเคมีต่างๆ โดยดูจากช่วงความยาวของเส้นผมถึงปลายผม แบ่งออกเป็น
      -ผมธรรมดา
      -ผมแห้ง (แสงแดด/การไดร์ผม)
      -ผมผ่านสารเคมี (ดัด/ยืด/สี)

3.สภาพหนังศีรษะ    คือลักษณะของผิวหนังบริเวณหนังศีรษะ โดยดูจากการแบ่งช่อผมเพื่อให้เห็นหนังศีรษะชัดเจน แบ่งออกเป็น
     -หนังศีรษะแห้ง  จะเป็นขุยหรือสะเก็ดเล็กๆ
     -หนังศีรษะมัน  มีปริมาณน้ำมันจากหนังศีรษะมากผิดปกติ ผมจะแฉะเร็ว
     -หนังศีรษะเป็นรังแค เป็นขุย หรือเป็นแผ่น
     -หนังศีรษะแพ้ง่าย  เป็นผื่นแดงหรือตุ่มแดง

 
                                    วงจรชีวิตเส้นผมแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
 
1.ระยะอะนาเจน (Anagen Phase)
                 เป็นระยะเวลางอกงามของเส้นผมซึ่งมีระยะเวลายาวนานประมาณ 2 ปี หรืออาจถึง 6 ปี (เช่นในเด็ก) เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ระยะอะนาเจนนี้จะสั้นลงๆ ในระยะนี้ผมคนเราจะงอกเร็วประมาณ 1 ซ.ม.ต่อเดือน คนที่ไม่ตัดผมเลยตลอดชีวิตก็จะมีผมยาวได้ย่างมากก็ 36 ซ.ม.(ในคนสูงอายุ) ถึง 86 ซ.ม.(ในคนรุ่นๆ)

2.ระยะคะทาเจน (Catagen Phase)
                 เป็นระยะหยุดงอก เส้นผมขาดอาหารมาเลี้ยง ณ ระยะนี้ต่อมผมจะหดเล็กลง แล้วหยุดทำงานนานประมาณ 3 สัปดาห์กว่าๆ

3.ระยะเทโลเจน (Telogen Phase)
                เป็นระยะพักซึ่งกินเวลาประมาณ 3 เดือน ในระยะนี้ผมจะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติ ประมาณร้อยละ 10 ขงต่อมผม (มีประมาณ 100,000 ต่อม) จะอยู่ในระยะนี้ในทุกขณะของชีวิตของคนเรา ผมของคนเราจึงร่วงไม่พร้อมกัน เนื่องจากผมของคนเราผลัดกันร่วง ผลัดกันงอกใหม่นั้นเอง

ไดร์ผมตรงอย่างมืออาชีพ

              ผมตรงจะสวยได้นั้น เส้นผมต้องได้รับการดูแลอย่างดีเสียก่อน เพราะผมตรงจะสังเกตเห็นข้อบกพร่องของเส้นผมได้ค่อนข้างชัด ส่วนขั้นตอนการเซ็ตผมก็สำคัญไม่น้อย มาดูวิธีการเซ็ตอย่างมืออาชีพกันดีกว่าค่ะ
       1. หลังสระผมแล้ว เช็ดผมให้แห้ง แล้วใช้มูส หรือThickening Cream ลูบให้ทั่ว เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม
       2. สางผม ...ใช้หวีซี่ห่าง ๆ สางผมให้ทั่ว จะช่วยครีมที่ช่วยเพิ่มความพองตัวให้ทั่ว ตั้งแต่รากจรดปลายผม
       3. แบ่งผม ...แบ่งผมออกเป็น 5 ส่วน เท่าๆกัน รวบผมขึ้นมาติดกิ๊บไว้แล้วไดร์ฟทีละส่วน
       4. แปรงแล้วเป่า ...แกะช่อผมออกมา แล้วสอดแปรงกลมขนาดใหญ่ลงใต้ผมส่วนนั้น ค่อย ๆลากแปรงจากลงมาตรง ๆ จากโคนถึงปลายอย่างใจเย็น โดยใช้ความร้อน และลมปานกลาง ถ้าลมแรงหรือร้อนเกินไป จะทำให้ผมแห้งฟู ไม่เรียบตรงอย่างที่ต้องการ จากนั้นจึงวางแปรงที่ด้านบน แล้วแปรงลงมา ในขณะที่เป่าให้แห้งจะช่วยเพิ่มความนุ่มสลวยให้กับเส้นผม ทำแบบเดียวกันกับเส้นผมช่ออื่น ๆ จนครบ
       5. แต่งทรงให้เรียบสลวย ...ถ้าคุณเป็นคนผมหนา ให้บีบเจลหรือครีมแต่งผม ใส่ที่ฝ่ามือ แล้วลูบเบา ๆที่เส้นผม จะช่วยกำราบผมตั้งชี้ได้ ส่วนคนผมเส้นเล็ก เซรุ่มแบบไม่มีน้ำมัน สามารถใช้ได้ดีแต่แวกซ์ หรือครีมใส่ผมที่มีความมันมาก ๆ จะทำให้เส้นผมลีบเยิ้ม และหมดสวยได้

       ด้วยขั้นตอนและเคล็ดลับง่าย ๆนี้ ก็ช่วยให้คุณมีผมสวยพลิ้วได้ทันใจ และด้วยตัวคุณเองค่ะ

เกร็ดความรู้เรื่องผม

สาเหตุของปัญหาสุขภาพผม
                ผมร่วง ศีรษะล้าน    เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ความเครียด โรคซิฟิลิส โรคขาดโปรตีน การเป็นรังแคเนื่องจากการติดเชื้อ ความเป็นพิษของโลหะหนัก การรักษามะเร็งด้วยยาหรือรังสี การขาดสารอาหาร การได้รับวิตามินเอมากเกินไป สารเคมีที่ทำให้รากผมไม่แข็งแรง โดยเฉพาะสารลดแรงตึงผิวอย่างแรง หรือเป็นด่างสูง ซึ่งนิยมใช้ในแชมพูส่วนใหญ่ เช่น โซเดี้ยม ลอริ่ล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate) และสารเคลือบเส้นผม ซึ่งนิยมใช้เพื่อให้ผมลื่น ไม่พันกัน เช่น สารพวกซิลิโคน (Silicone) ซึ่ง จะทำตัวเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผม แต่ละลายน้ำได้ยากจึงล้างออกไม่หมดและเกาะบนเส้นผมนาน ฟิล์มนี้ก็จะอุดรูขุมขนของเซลผมทำให้เซลระบายความชื้น และขับของเสียไม่ได้ ฟิล์มของซิลิโคนจะย่อยสลายยากมากจึงตกค้างสะสมทำให้เซลผมทำหน้าที่ได้ไม่ ปกติ ก่อให้เกิดผมร่วง และเกิดความผิดปกติของเซลผมและหนังศีรษะได้เมื่อใช้ในระยะยาว
                ผมหงอก    เกิดจากเซลสร้างเม็ดสีหยุดทำงาน เนื่องจากเซลเสื่อมจากอายุขัย การขาดสารอาหาร ความเครียด มลภาวะ สารเคมี เช่น ยาย้อมผม ยาเคลือบหรือทำสีผมยาดัดผม แชมพูบางชนิด หรือน้ำที่มีคลอรีนสูง
                ผมเสีย    เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การขาดโปรตีน ( ผมเปราะบาง ร่วง และเส้นผมไม่มีสี ) การถูกความร้อน การตากแดด การอบผม หรืออากาศแห้ง สารเคมีที่มีฤทธิ์ทำลายหรือระคายเคืองผิวผม เช่น ยาย้อมผม ยาเคลือบผมหรือทำสีผม ยาดัดผมน้ำที่มีคลอรีนสูง แชมพูที่มีสารชำระล้างอย่างแรง จะขจัดไขมันตามธรรมชาติของเส้นผม ทำให้ผมดูไม่มีชีวิตชีวา แชมพูหรือสารที่มีความเป็นด่างสูงมีฤทธิ์ระคายเคืองทำให้ผมเสียสภาพ แห้งและหยาบกระด้าง
                คันหนังศีรษะ    เกิดจากการแพ้หรือ ระคายเคืองปลายประสาท จากสารเคมี หรือการไต่ของสัตว์
                รังแค    เกิดจากการสร้างเซลชั้นหนังกำพร้า ที่มากเกินปกติ ซึ่งอาจเกิดจากภูมิแพ้ การติดเชื้อจุลชีพ หรือการระคายเคืองจากสารเคมี

9 วิธีทำร้ายเส้นผมคุณเผลอทำร้ายผม แบบไม่ตั้งใจกันหรือเปล่า ?

9  วิธีทำร้ายเส้นผมคุณเผลอทำร้ายผม  แบบไม่ตั้งใจกันหรือเปล่า ?
 
 
       1. เป่าตลอด
        จะวันหยุด วันทำงาน วันไหน ๆ ฉันก็ต้องเซ็ตผมด้วยเครื่องเป่าผม เปิดให้ร้อนสุดฤทธิ์ และในที่สุด ผมสวยๆ ของคุณก็กลายเป็นผมแห้งไมต่างอะไรกับซังมะพร้าวดี ๆ นี่เอง ถ้าไม่รีบนักลองปล่อยให้ผมแห้งเอง โดยธรรมชาติบ้างและหากต้องใช้เครื่อง เป่าผมก็อย่าจ่อเครื่องเป่าให้แนบติดกับผมมากเกินไป หาเครื่องเป่าผมที่มีช่องลมโต ๆ และเปิดความร้อนให้ระดับต่ำสุด จะดีกับสุขภาพของเส้นผมของคุณมากกว่า

2. แปรงผมวันละร้อยครั้ง
        ใครว่าแปรงผมบ่อย ๆ แล้วผมจะสวยเริ่ดน่ะ เลิกเชื่อได้แล้วล่ะ เพราะการแปรงผม คือการจัดผมให้เข้ารูปเข้าทรง แปรงผมบ่อยเกินไป จะไปดึงเส้นผม อาจทำให้หนังศีรษะถลอกเป็นแผลได้ และที่สำคัญควรแปรงผมอย่างเบามือ เลือกใช้แปรงที่ขนแปรงห่างกันมาก ๆ จะช่วยป้องกันเส้นผมพันกันค่ะ

3. ใช้แชมพูทูอินวันสะดวกดี
        แชมพูประเภททูอินวันน่ะสะดวกดี แต่ไม่ควรใช้เป็นประจำ เพราะอาจทำให้เส้นผมของคุณหยาบกระด้างได้ จ่ายตังค์เพิ่มขึ้นอีกหน่อยเลือกใช้แชมพู และครีมนวดผมที่เหมาะกับสภาพเส้นผมจะดีกว่าน่า

4. ใช้ยางหนังสติ๊กรัดผม
        ยางหนังสติ๊กน่ะ เขาทำมาสำหรับรัดปากถุง แต่สาว ๆ ที่ชอบนำมารัดผม ในยามที่รวบหางม้า จะทำให้ผมอ่อนแอ และแตกปลายได้ เลือกใช้ที่ยางรัดผม ที่หุ้มด้วยผ้า จะถนอมเส้นผมของคุณมากกว่าค่ะ

5. เกาแกรก ๆ
        ในระหว่างสระผมคนที่ชอบเกาแกรก ๆ ในระหว่างสระผม เพราะเกิดอาการคันผม หรือคันมือคันไม้ ก็ตามที ขอบอกว่าถ้าคุณเป็นรังแค การเกาแกรก ๆ จะทำให้รังแคลุกลามมากขึ้น การสระผมที่ถูกวิธี ควรนวดด้วยฝ่ามือแทนที่จะเกาแกรก ๆ อย่างที่เคยชินมือ

6. เป่าผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่
        การเป่าผม หลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว โดยที่ผมยังเปียกชื้นอยู่ ผมอาจจะแห้งไวสมใจ แต่จะมีปัญหาผมแห้งกรอบตามมา ให้หนักใจกันอีกด้วยนะสิ อยากถนอมเส้นผม ให้ดูสวย ไม่แห้ง จนขาดชีวิตชีวา ควรปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติบ้าง ถ้าจะเป่าผมก็ไม่ว่ากัน แต่ควรซับน้ำออกจากผมให้มากที่สุดก่อน
 
7. ไม่ค่อยสระผม
        คุณอาจเคยเชื่อว่า สระผมบ่อย ๆ แล้วจะทำให้ผมแห้ง แต่ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญเรื่องผม ต่างยืนยันมาว่าไม่จริงค่ะ ยิ่งคุณอยู่ท่ามกลางมลพิษ อย่างเมืองกรุงของเรา คุณจำเป็นต้องสระผมบ่อย ๆ ควรสระทุกครั้งที่รู้สึกว่า ผมสกปรก เพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษนี่แหล่ะ เป็นต้นเหตุให้ผมของคุณขาดประกายเงางามและกลายเป็นผมหยาบมือในที่สุด

8. ประโคมเครื่องสำอางสำหรับผมมากไป
        สาวสมัยนี้ นอกจากมีเครื่องประทินผิวช่วยยับยั้งความแก่ มีเมคอัพหลากสีสัน ให้ปรุงแต่งตามอารมณ์สาว เครื่องสำอางสำหรับผม ก็ไม่น้อยหน้า มีให้เลือกใช้แบบเลือกกันไม่ถูกทีเดียว ทั้งแบบเจล โฟม สเปรย์ โลชั่น แต่การใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมกันเป็นประจำ ชนิดที่ไม่ปล่อยให้เส้นผมได้สวยตามธรรมชาติ ก็อาจทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีบนเส้นผมของคุณ ทำให้เส้นผมส่องประกายเงางามได้ยาก ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมบ่อย ก็ควรจะสระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนใสบ้าง เพื่อช่วยชำระสารเคมีตกค้างจากผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผม

9. ดัด ๆ ยืด ๆ ตามแฟชั่น
        แม้จะทำให้คุณสวย แบบไม่หลุดเทรนด์ แต่เป็นการทารุณกับเส้นผมของคุณเป็นอย่างมาก เพราะศัตรูตัวร้ายรองจากแสงแดด และการเป่าผม ก็คือการปล่อยให้เส้นผมโดนสารเคมีแรง ๆ จากน้ำยาดัด และยืดผม ซึ่งทำให้ผมของคุณป่วยได้ง่ายๆ เหมือนกัน

อาหารเพื่อเส้นผม

   ถ้าคุณกำลังวิตกกังวลกับปัญหาของเส้นผม ที่ร่วงเกิน 100 เส้น ต่อวันและมีทีท่าว่าจะกลายเป็นหนุ่มผมบางหรือสาวผมน้อยก่อนวัยอันควร ก่อนที่จะหลงเชื่อคำโฆษณาที่เกินจริง ลองมาดูกันว่าทำไมผมจึงร่วงมากผิดปกติสาเหตุของผมร่วง
        1.ถูกแสงแดดมากเกินไป
        2.สูบบุหรี่จัด
        3.ความเครียด
        4.ยารักษาโรคบางชนิด
        5.ระบบการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณศีรษะไม่ดีพอ
        6.ผิวหนังบริเวณศีรษะเกิดการติดเชื้อ
        7.เป็นรังแคเรื้อรัง
        8.โภชนาการเลว
        9 กรรมพันธุ์


                ทั้งหมดนี้ที่ป้องกันไม่ได้มีเพียงข้อ เดียว คือ กรรมพันธุ์ ก่อนอื่นจึงต้องหาสาเหตุให้พบว่า ผมร่วงมากผิดปกติเกิดจากปัจจัยอะไร จึงจะแก้ได้ถูกต้อง   จริงๆแล้วเส้นผมของคนเรามีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา และจะเส้นผมจะอยู่ในสภาพที่ดี หากได้รับอาหารสารอาหารดังนี้
        อาหารที่มีไอโอดีน เช่น สาหร่ายทะเล กุ้ง น้ำมันตับปลา
        อาหารที่มีซิลิคอน เช่น ข้าวโอ๊ต สตรอเบอรี่ กะหล่ำปลี ผักกาดหอม
        อาหารที่มีกำมะถัน เช่น กะหล่ำปลี แอปเปิล หัวผักกาด
        อาหารที่มีเหล็ก เช่น ตับ เนื้อสัตว์
        อาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น โยเกิร์ต เนยแข็ง

              เนื่องจากเส้นผมของคนเราประกอบด้วย ซิลิคอน 20% กำมะถัน 5%เหล็กและแมงกานีสอย่างละ 10% ส่วนไอโอดีนจะเป็นตัวที่ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณศีรษะดีขึ้น   ถ้า ขาดไอโอดีน ก็จะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจริญงอกงามของเส้นผม และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วงสำหรับวิตามินบี 2 นั้น เป็น สารอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำและเป็นเงางามหลักในการรับประทานอาหาร เพื่อให้มีสุขภาพผมที่แข็งแรงนั้น ต้องกินติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ จึงจะได้ผล

หวี... กับการดูแลเส้นผม

 
   
                เส้นผมของคนเรานั้นเป็นเซลล์ของร่างกายที่ตายแล้ว แต่ที่ยังเห็นคงสภาพอยู่ได้นานก็เพราะมันมีความแข็งแรงของเซลล์อยู่     ส้นผมนั้นไม่จำเป็นต้องให้การบำรุงด้วยสารอาหารจากแชมพู เพราะจะเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเสียเงินเปล่า แชมพูมีหน้าที่เพียงแค่ทำความสะอาดเส้นผม ซึ่งหมักหมมจากเหงื่อ ฝุ่น ควันต่าง ๆ นั่นเอง
                อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้เส้นผมของคุณ ไม่ยุ่งหรือพันกัน ก็คือการหวีการหวี ซึ่งยังช่วยจัดรูปทรงให้กับผมอีกด้วย บางครั้งยัง
มีความเชื่อกันด้วยว่า ถ้าได้แปรงผมวันละหลาย ๆ ครั้งจะทำให้ผมสวยเงางาม ความจริงก็คือ การแปรงผมจะทำให้น้ำมันธรรมชาติที่เคลือบอยู่บนเส้นผมได้กระจายไปทั่ว ผมจึงดูเงางาม แต่ผมของคนเราก็มีหลายแบบ หยิก เหยียดตรง เส้นเล็ก ซอยสั้น หยิกยาว ผมหนา ฯลฯ ต่างกันไปตามพันธุกรรมหรือการจัดแต่งตามแฟชั่น แล้วจะเลือกหวีหรือแปรงอย่างไรให้เหมาะสมกับผมของเรา


 เส้นผมของคุณ ควรเลือกหวีแบบไหนดี
 
 
 
 

 
คนผมหนาและผมเส้นใหญ่ : หวีที่ใช้ควรเลือกที่ซี่ห่าง ๆ ถ้าเป็นแปรงควรเลือกที่มีปุ่มนวดหนังศีรษะทำด้วยยาง ดูไม่ให้แข็งเกินไป

คนผมเส้นเล็กบาง : หวีที่ใช้ควรมีซี่ที่ถี่พอควรและไม่แข็งจนเกินไป แปรงควรเลือก ที่มีขนแปรงห่างเพื่อกันไม่ให้เวลาแปรงผมแล้วผมขาดง่าย

คนผมเหยียดตรง : เลือกแปรงที่มีแผ่นรองยางและขนแปรงมีปุ่มตรงปลาย เลือกที่มีด้ามจับถนัดมือจะได้ไม่ลื่นหลุดง่าย

คนผมซอยหรือผมสั้น : เลือกใช้แปรงกลมที่ไว้สำหรับม้วนผม เพราะจะช่วยให้ผมปัดเข้ารูปได้ง่าย

ผมหยิก ผมดัดหยิก : ที่จริงไม่ควรแปรงผมเพราะจะทำให้เสียทรง แต่ถ้าจะเลือกใช้แปรง ให้ลองหาแปรงที่ทำจากขนหมูป่า จะทำให้แปรงได้ง่ายขึ้น

คำแนะนำสำหรับการใช้หวี
 
      1.หวีควรเป็นสมบัติส่วนตัว ไม่ใช้หวีร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันปัญหาการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อรา
      2.หลีกเลี่ยงหวีที่มีปลายแหลมคม เพราะจะทำให้ผิวหนังที่ศีรษะเป็นแผลได้
      3.ควรล้างทำความสะอาดหวีและแปรงอย่างสม่ำเสมอ แล้วตากแดดให้แห้งสนิทจึงนำมาใช้ใหม่
      4.ไม่ควรหวีผมขณะผมเปียก จะทำให้เส้นผมขาดง่าย เพราะสภาพผมที่เปียกน้ำผมจะพันกันยุ่งเหยิง เว้นแต่คุณ ใช้ครีมนวดผม
       อาจใช้หวีซี่ห่าง ๆ แปรงให้เส้นผมได้รับครีมนวดทั่วถึง
 
แปรงผมเพื่อผมสวย
 
 
 
 
            การแปรงผม เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีได้ เพราะจะช่วยให้ผิวของหนังศีรษะและรากผมมีความแข็งแรง เนื่องจากในขณะที่เราแปรงผม จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงรากผมได้ทั่วถึง และยังเป็นการนวดหนังศีรษะไปในตัวด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผมมีสุขภาพดี นี่คือคำแนะนำเล็กๆน้อยๆในการเลือก
หวีและแปรง    วิธีการแปรงผมที่ดีที่สุด คือ การแปรงเบาๆ อย่าดึงหรือบิดเส้นผมมากเกินไป และไม่ควรแปรงผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่เพราะจะไปทำลายสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผม ทำให้เส้นอ่อนแอได้
 
การเลือกใช้แปรงผมแปรงกลม   ใช้ในการเป่าผม ทำให้ผมเรียบตรงหรือจะใช้เพิ่มความพองตัวให้แก่ผมโดยใช้ม้วนปลายผมให้งุ้มหรืองอนเป็นทรงวอนได้แปรงซี่ห่างๆ เหมาะสำหรับการสางผมเปียกหรือผมที่หมาดๆ เพื่อไม่ให้ผมพันกันหวีซี่ใหญ่ ๆ เหมือนซี่ส้อม เหมาะสำหรับการแต่งคลื่นลอนผม เพื่อให้ผมอยู่ทรงอย่างอ่อนโยนส่วนแปรงหน้าตัด ขนแปรงธรรมชาติ จะทำให้ผมเส้นใหญ่ เหยียดตรง ดูเรียบสลวย การรักษาแปรงดึงเส้นผมที่ติดอยู่ออกมาเสียก่อน แล้วจึงแช่แปรงลงในน้ำสบู่อ่อนหรือน้ำผสมแชมพู

ดูแลผมสำหรับสาวผมยาว

ดูแลผมสำหรับสาวผมยาว
 
 
                หากถามผู้ชายร้อยทั้งร้อย ต้องบอกว่าชอบผู้หญิงผมยาว แต่การจะไว้ผมยาวให้ดูดีได้นั้น เส้นผมต้องนุ่มสวย มีเงางาม ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถหรอกน่าเรามีคำแนะนำในการจัดการกับปัญหาของเส้นผม ที่มักจะทำให้ผมของคุณเสียสวยมาบอกกันค่ะ

เมื่อปลายผมแห้ง หักง่าย
                เมื่อคุณไว้ผมยาวนาน ๆ ปัญหาหนึ่งที่พบกันบ่อย คือปลายผมจะเริ่มแห้ง ขาดน้ำหนัก และหักง่าย ถ้าเจอปัญหานี้ ให้ใช้วิธีเล็มปลายผมทิ้ง ทุก 4-6 สัปดาห์ นอกจากนี้ลองสำรวจดูว่าปลอกหมอนที่คุณใช้ มีเนื้อผ้าหยาบ ๆหรือเปล่าเพราะอาจเป็นสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้ผมหักได้ง่าย ลองเปลี่ยนมาใช้ปลอกหมอนที่ทำด้วยเนื้อผ้าลื่น จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

ผมขาดน้ำหนักดูเบาฟู
                มักมีสาเหตุมาจาก การใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผม เช่น เจล มูส หรือสเปรย์ประเภทที่มีแอลกฮอล์ผสมอยู่ นอกจากนี้รังสียูวีในแสงแดด ก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำลายโปรตีนในเส้นผม ทำให้เส้นผมดูหยาบ รวมถึงควันบุหรี่ ที่จับเกาะบนเส้นผม ก็อาจทำให้เส้นผมขาดความมันเงาได้ วิธีแก้ ก็คือ หลีกเลี่ยงการตากแดด จัด ๆ เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของสารป้องกันยูวี และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่อบอวลด้วยควันบุหรี่

เส้นผมขาด
                มักเกิดจากการมัดรวบจนแน่นตึง การใช้หนังสติ๊กมารัดผม รวมทั้งการหวีผมแรง ๆ อาจทำให้เส้นผมขาดได้ง่าย วิธีแก้ ให้รวบผมหลวมๆ หรือปล่อยผมสยายออก และไม่ควรใช้หนังสติ๊กซึ่งใช้มัดของ มารวบผม ควรใช้ยางรัดที่ออกแบบมาเพื่อรัดผมโดยเฉพาะจะดีกว่า

ผมแตกปลาย
                ปัญหาผมแตกปลาย มีวิธีแก้ทางเดียวคือเล็มปลายผมทิ้ง

ผมลีบแบน
                คนที่เส้นผมเล็ก เมื่อไว้ผมยาว อาจทำให้ดูลีบแบนได้ วิธีทำให้ดูผมพองตัว หลังจากสระผมแล้ว ให้ใช้ผม เพื่อให้ผมดูพองตัว จากนั้นแบ่งผมเป็นช่อ ๆ พันเส้นผมด้วยโรลม้วนผมขนาดใหญ่ ปล่อยทิ้งไว้สัก 10 นาที จะทำให้เส้นผมดูพองสวยขึ้นค่ะ

สุขภาพสวยด้วยธรรมชาติ

สุขภาพสวยด้วยธรรมชาติ
 
              

     
อาหารที่ทำให้ผมสวย
          - ตับ  ทุกชนิด  บำรุงโลหิตซึ่งเป็นอาหารช่วยหล่อเลี้ยงเส้นผม ถ้าโลหิตไปเลี้ยงเส้นผมพอ ผมก็จะดำเป็น มันสวย
          -  งาดำ  บดให้ละเอียด ผสมอาหารรับประทานช่วยให้ผมดำ
          -  ปลาเล็กปลาน้อย ทอดกรอบรับประทานได้ทั้งตัว จะให้แคลอรี่และแร่ธาตุกับเส้นผม
          -  ลำไยแห้ง  มีแร่เหล็ก บำรุงโลหิต ป้องกันผมหงอกขาวและผมร่วง
          -  ผักบ๊อกคอลี่  เป็นผักสีเขียว บำรุงโลหิต มีประโยชน์ต่อเส้นผม
          -  ฟักทอง  อุดมไปด้วยวิตามิน ให้รสหวานตามธรรมชาติ มีพิกเมนต์ของสีที่ช่วยให้ผมดำ
          -  ข้าวซ้อมมือ  มีประโยชน์สำหรับเส้นผม ถ้ารับประทานประจำจะช่วยบำรุงเส้นผมได้ดีมาก
 
สิ่งที่ไม่มีคุณประโยชน์กับเส้นผม
          -  ช็อกโกแลต  พิซซ่า  กาแฟ  ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง สร้างโลหิตน้อยกว่าปกติไม่เพียงพอส่งไปเลี้ยงเส้นผม
          -  เค้ก  ที่มีรสหวานจัด รับประทานมากจนไม่อยากรับประทานข้าว ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารอย่างอื่นที่จำเป็นจะทำให้เส้นผมเสีย
          -  นมบูด  มีไขมันปนอยู่มาก ถ้าดื่มนมบูดทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน หนังศีรษะจะเป็นมัน ทำให้ผมร่วง
          -  แกงเผ็ด  มีเครื่องเทศ รสเผ็ดร้อนและมีน้ำมัน จะให้โทษต่อเส้นผม
          -  ไอศครีม  รับประทานมาก ทำให้โลหิตหมุนเวียนไม่สะดวก เพราะความเย็นของไอศกรีมไปลดอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้โลหิตไปเลี้ยงเส้นผมไม่เพียงพอ
 
 
                    
 
เสริมสวยจากธรรมชาติ
          -  ผลไม้สดตามฤดูกาล เช่น แตงโม  มะม่วง  มะละกอ  ถ้านำเอาเนื้อมาใส่โถปั่น ปั่นให้ละเอียด ใช้ลูบไล้ตามผิวหน้าจะทำให้ผิวชุ่มชื่นและเต่งตึงขึ้น มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับโลชั่นสมานผิว
          -  สตรอเบอรี่สด  5 ผล  ไข่ไก่ 2 ฟอง  น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ  กลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ  ใส่โถปั่น ใช้นวดผมหลังจากสระแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้ผมที่แห้งเพราะแดดลมกลับนุ่มเป็นเงางาม  ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงเส้นผม และมีกลิ่นหอมด้วย
          -  ลิ้นจี่ 10 ผล ปอกเปลือก คว้านเมล็ดออก เอาเนื้อลิ้นจี่ใส่โถปั่น คั้นเอาน้ำ เติมเกลือ น้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็งทุบก้อนเล็กๆ หรือจะใส่ถ้วยแก้วเก็บไว้ในตู้เย็น  ส่วนกากเนื้อลิ้นจี่ที่ได้จากการปั่น กรองเอาน้ำออกแล้วปั้นนำมาพอกหน้า สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะรู้สึกทันทีเลยว่า ผิวหน้าตึง และเปล่งปลั่งขึ้น
          -  เมล็ดแตงหอม,  เมล็ดฟักทอง,  บวบ,  แตงกวา  ตากแห้งใส่เครื่องปั่นเป็นผง ผสมน้ำพอเหลว พอกหน้าแทนยาพอกหน้า ผิวหน้าจะนุ่มเนียนและละไม
          -  น้ำคั้นจาก แตงหอมแคนตาลู้ป  ล้างหน้า ผิวหน้าจะสะอาด แทนโลชั่นบำรุงผิว เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง
          -  น้ำคั้นจาก แตงหอมแคนตาลู้ป ผสม น้ำผึ้ง  ทาผิวหน้า จะช่วยลอกหนังกำพร้าที่แห้งเป็นขุย ถ้าผสมกับ น้ำอัลมอนด์ เล็กน้อย ใช้ลอกหน้าได้เช่นเดียวกับน้ำยาลอกหน้า

       

ปกป้องเส้นผมจากแสงแดด

ปกป้องเส้นผมจากแสงแดด 
 
                                                
Step1
             หากคุณต้องทำกิจกรรมที่ต้องออกแดดเป็นเวลา นานๆ สาวๆ คงไม่พลาดที่จะทาครีมกันแดดทั้งที่ใบหน้าและลำตัวเพื่อป้องกันการเกิดฝ้า หรือกระ สำหรับเส้นผม คุณก็ควรให้ความสำคัญเช่นกัน คุณควรสวมหมวกหรือมีผ้าคลุมผมโพกศีรษะไว้ เพื่อปกป้องเส้นผมคุณจากแสงแดดโดยตรง

Step2
             ใส่คอนดิชั่นเนอร์บนเส้นผมก่อนที่จะไปเล่น น้ำบริเวณชายหาด หรือไปว่ายน้ำในสระน้ำกลางแจ้ง โดยไม่ต้องล้างออก เพราะคอนดิชั่นเนอร์ที่คุณชโลมลงไปบนเส้นผมจะเป็นทรีตเมนต์ที่ดีเยี่ยม สำหรับผมของคุณ และยังช่วยป้องกันเส้นผมของคุณจากการถูกทำร้ายจากแสงแดดอีกด้วยค่ะ

Step3
             เกล้าผมขึ้นหรือถักเปีย เพราะจะทำให้เส้นผมของคุณถูกแสงแดดไม่มากเกินไป และเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ยิ่งเส้นผมของคุณถูกแสงแดดน้อยเท่าไหร่ ผลกระทบต่อเส้นผมจากการถูกทำร้ายจากแสงแดดก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น

Step4
             ฉีดสเปรย์ด้วยสารปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยการผสมโลชั่นกันแดดที่มี SPF 25 หรือมากกว่านั้นก็ได้ในปริมาณ 1 ช้อน โต๊ะ ผสมเข้ากับน้ำครึ่งถ้วย แล้วบรรจุลงในขวดสเปรย์ พกสเปรย์ติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ออกแดด พร้อมกับฉีดลงบนเส้นผมทุกๆ ครึ่งชั่วโมง

Step5
             ใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งเส้นผมที่มีส่วนผสมของสารปกป้องเส้นผมจากแสงแดดในตัว ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลากหลายชนิด มีส่วนผสมของ spf และ ส่วนผสมอื่นๆ ที่สามารถปกป้องเส้นผมจากมลพิษต่างๆ ได้ สิ่งสำคัญคือ ควรอ่านฉลากให้ละเอียดก้อนใช้ผลิตภัณฑ์ และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์บรรจุอยู่ด้วย เพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้เส้นผมของคุณแห้งกระด้างรวดเร็วขึ้นกว่าที่ เป็นอยู่

เส้นทางลัดสู่ผมสวยสมบูรณ์แบบ

เส้นทางลัดสู่ผมสวยสมบูรณ์แบบ
 
               ความ งามสมบูรณ์แบบนั้นทำได้ ไม่ง่ายเลย แต่เรามีทางลัดสู่ความงามไม่มีที่ติมาฝาก! เพียงรู้จักกลเม็ดเคล็ดลับในการดูแลเรือนผม ที่จะช่วยลวงตาให้ผมของคุณดูสวยเพอร์เฟ็กต์ทันตา แถมยังประหยัดเงินและเวลาอีกด้วย 5 ทางลัดสู่ผมเงาเป็นประกาย สุดยอดความลับการดูแลผม ที่จะให้คุณได้เป็นเจ้าของผมเงางามในพริบตา ตรงเรียบปิ๊ง ใครที่มีปัญหากับผมฟูไม่เป็นทรงและรักที่จะมีผมตรงสลวย แนะนำให้เลือกใช้เครื่องรีดผมไฟฟ้าที่มีแผ่นรีดขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้การรีดผมเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว แม้ว่าคุณจะมีเส้นผมใหญ่เป็นพิเศษก็ตาม รับประกันได้ว่าเพียงไม่กี่นาทีคุณก็จะมีผมเรียบตรงสลวยเงางามทันที ยิ่งเข้มยิ่งสวย ผมสีเข้มจะสะท้อนแสงได้ดีกว่า               
               ขณะ ที่ผมสีอ่อนแบบผมสีบลอนด์จะดูดแสงไว้ นั่นหมายความว่า หากผมของคุณดูแห้งขาดความเงางามเมื่อใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีผมสีอ่อนแนะนำให้รีบเปลี่ยนมาทำผมสีเข้มโดยด่วน แล้วผมคุณก็จะสวยสุขภาพดีทันตาเห็น มือเบาหวิว สระผมอย่างเบามือ อย่าขยี้ผมรุนแรง เพราะนั่นจะเป็นการทำให้เกล็ดผมเปิด อันเป็นสาเหตุให้ผมฟูฟุ้งกระจายไม่เกาะตัวกัน แถมเมื่อเกล็ดผมเปิดแล้ว ผมจะดูแห้งกระด้าง ไม่สะท้อนแสง จึงทำให้ผมขาดความเงางามเป็นประกายอีกด้วย เย็นเยี่ยมยอด หลายคนชอบสระผมด้วยน้ำอุ่น นั่นไม่ใช่สิ่งผิด แต่น้ำอุ่นมีผลทำให้เกล็ดผมเปิดเช่นกัน ดังนั้นหากคุณรักที่จะใช้น้ำอุ่น แนะนำให้ใช้น้ำเย็นล้างฟองแชมพูออกในน้ำสุดท้าย เพื่อเป็นการปิดเกล็ดผมให้เรียบสนิทอีกครั้ง แล้วคุณจะเห็นว่าผมนุ่มขึ้นและสะท้อนแสงได้ดียิ่งขึ้นด้วย เติมเกล็ดผม ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนเป็นส่วนผสม อาทิ ซิลกี้แฮร์โคท หรือเซรั่มใส่ผมเพื่อเพิ่มความมันเงาจะช่วยเติมเต็มเกล็ดผมที่หลุดหายไป ผลลัพธ์ที่ได้ทันที คือผมดูมันเงา ส่องประกายปิ๊งปั๊งในทันทีทันใด               
               อย่าง ไรก็ดีควรใช้แต่น้อยเพื่อไม่ให้ผมดูเยิ้มมันเกินไป 3 ข้อดีของการไม่สระผม (และยังดูสวยปิ๊ง) สำหรับวันเร่งรีบแล้ว การสระผมดูจะเป็นภาระใหญ่ที่กินเวลาแสนนานและอาจทำให้ ไปทำงานสายได้เลยทีเดียว ถ้าเช่นนั้นเราขอนำเสนอวิธีจัดการกับผมที่ไม่ได้สระให้ดูสวยเด็ดจนคนรอบตัว ไม่มีวันจับได้อย่างแน่นอน อันที่จริงแล้ว 'ผมสกปรก' หรือ ผมไม่ได้สระนี้ง่ายต่อการจัดทรงมากกว่าผมสะอาดเสียอีก ผมจะโค้งงอได้ดีกว่า และยังดูเงางามมากกว่าด้วย วิธีจัดการง่ายๆ ให้ผมไม่ดูลีบแบน เพียงจับผมบางช่อมาม้วนพันรอบเครื่องทำเกลียวไฟฟ้า แล้วใช้มือสะบัดๆ แค่นี้ก็ออกจากบ้านได้แล้ว ถ้าผมไม่ได้สระของคุณมันเยิ้มจนดูน่าเกลียด เพียงโรยแป้งเด็กลงบนโคนผมให้ทั่วแล้วสะบัดออกให้ไม่มีสีขาวติดบนผม สำหรับต่างประเทศมีแป้งโรยผมที่มีสีวางจำหน่ายแล้วด้วย คุณอาจหาซื้อติดมือไว้ถ้ามีโอกาสได้ไปต่างประเทศ ความจริงแล้ว การสระผมทุกวันไม่ใช่เรื่องดี เพราะทุกครั้งที่เส้นผมโดนน้ำและถูกทำให้แห้ง ก็จะมีการทำลายความชุ่มชื้นในเส้นผมไปด้วย เป็นสาเหตุให้ผมแห้งแตกปลายหากไม่ได้ดูแลเส้นผมอย่างดี ดังนั้นวันไหนที่คุณไม่ได้สระผม ลองแสกผมแบบซิกแซกสร้างความแปลกตา หรืออาจหาผ้าคาดผมสวยๆ มาใช้ แค่นี้ก็ดูเก๋ได้โดยไม่ต้องสระผม 

ความหมายและประเภทของเส้นผม

      เส้น ผม ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ตามสภาวะแวดล้อม ธรรมชาติ และทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ การย้อม การดัด การเข้าใจลักษณะทางกายภาพ และส่วนประกอบของเส้นผม จะทำให้คุณได้เข้าใจได้ดีขึ้น
     เส้นผม   ประกอบด้วยเซลล์ 3 ชั้น  
 
     ชั้นนอก   เรียก คิวติเกิล (cuticle)   ชั้นนอก มีประมาณ 6-10 ชั้น ตรงโคนหนากว่าปลายเส้นผม เซลล์จะเรียงต่อ ทับกัน เหมือนกับ การสร้างหลังคาบ้าน ปลายที่เป็นอิสระ จะชี้ไปทางปลายเส้นผม แต่ละเซลล์ ประกอบด้วยชั้นต่างๆอีก 3 ชั้น ผมจะสวยหรือไม่สวย อยู่ที่ชั้นน
 
     ชั้นกลาง   เรียกคอรเทก (cortex)   ชั้น กลาง เป็นส่วนประกอบ ที่ทำให้เส้นผมแข็งแรง มีเส้นใยเล็กๆ ทอดยาว ตลอดความยาวเส้นผม พูดง่าย ๆ เหมือน ก้านธูปหลายก้าน ที่มัดไว้เป็นห่อ ในแต่ละ 1 เส้นใย ประกอบด้วยใยเล็กๆ อยู่รวมกัน เป็นเส้นใยใหญ่ 1 เส้น เส้นใยใหญ่ นี้อยู่ในเซลล์ ที่ชื่อว่า พาราคอร์เทก (paracortex) อีก ทีหนึ่ง คนที่มีเส้นผมหยักโศก เซลล์จะเป็นพาราคอร์เทก ส่วนผมม้วนหยิก เช่น นิโกร เป็นเซลล์ที่เรียกว่า พาราคอร์เทก ผสมออโทคอร์เทก (เซลล์มีอยู่กันแน่นน้อยกว่า อีกแบบหนึ่ง)
     ชั้นใน   เรียก เม็ดดัลลา (medulla)   ชั้น ใน ประกอบด้วยเซลล์ ที่มีโพรงอากาศอยู่ อาจมีอยู่ติดต่อกันทั้งเส้น หรืออยู่เป็นระยะ ๆ หรือบางทีไม่มี เส้นผม ประกอบด้วย น้ำ โปรตีน 65-95% และกรดอมิโน อาจมีไขมัน เม็ดสี ธาตุโลหะปนเล็กน้อย กรดอมิโน เป็น ซีสเตอีน โปรลิน ลิวซิน ฯลฯ ถ้าเอาเส้นผมแช่น้ำ น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น 12-18% การดูดซึมเร็วมาก ใช้เวลา 4 นาที ถ้าอากาศมีความชื้นสูง การดูดซึมก็สูงขึ้น ไขมันของเส้นผมเพิ่มขึ้น เมื่อวัยหนุ่มสาว และลดลง โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มีอายุมากขึ้น ส่วนของผู้ชาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก ดังนั้นผู้หญิงวัยกลางคน ผมจะแห้งกรอบ ผิดสังเกต แร่ธาตุในเส้นผม มีปนกันไม่ถึง 1% มีโลหะ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี โซเดียม โปตัสเซียม ฯลฯ อาจไม่สำคัญ จะสำคัญต่อเมื่อ มีจำนวนสูงขึ้น เช่น การพบสารหนูในเส้นผมเมื่อ อายุมากขึ้น เส้นผมค่อยๆ เสื่อมลงจากรากถึงปลาย จากการใช้เครื่องสำอาง เช่น การหวี การแปรงผม การฟอกสีผม การย้อมผม หรืออาจเกิดจาก การเสียดสี การเปียกน้ำ การโดนรังสี ชั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ ชั้นนอกและชั้นกลาง ปลายของเซลล์ชั้นนอก จะยกขึ้นและแตกออก และหลุดออก ทำให้เส้นผมไม่มีเซลล์ชั้นนอก อาจทำให้ปลายเส้นผมแตก หรือเส้นผมตรงกลาง เป็นร่องลึก ความยาว หรือความขวาง หรือผมหักมองดูเป็นปุ๋มสีขาว ถ้าเกิดจากการย้อม หรือดัดถาวร ทำให้เส้นผมบิด การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มักเกิดที่ปลายเส้นผม
 
  ประเภทของเส้นผม       
     ผมมัน 
                ลักษณะ ผม ดูลีบ ขาดชีวิตชีวา เพราะต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะผลิตไขมันหล่อเลี้ยงมากเกินไปหรือเกิดจากความ ชื้นในอากาศ นอกจากนี้ความมันของผม ยังอาจมาจากการใช้ครีมนวดผม หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมากเกินไป 
    ผมแห้ง
                ลักษณะ ผมจะดู ด้าน ขาดความเงางาม ดูแล้วรู้สึกหยาบกระด้าง เพราะหนังศีรษะผลิตไขมันมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ หรือสาเหตุจากการดัดและย้อมสีผมบ่อยเกินไป หรือตากแดดมากเกินไป ผมจึงถูกทำลายโดยแสงแดด หรือเป็นเพราะท่านสุขภาพไม่ดี ร่างกายอ่อนล้า ขาดสารอาหารทำให้ผมไม่แข็งแรงไปด้วย
     ผมแตกปลาย
                 เป็นอีกหนึ่ง ลักษณะของผมแห้ง ดูขาดชีวิตชีวาและแตกบริเวณส่วนปลายผม เกิดขึ้นเพราะเปลือกด้านนอกสุดของเส้นผม (Cuticle) เสียหายมาก จนกระทั่งแกนผม (Cortex) แห้งและแตกจากการแปรงผมอย่างรุนแรง หรือโดนความร้อนจากไดร์เป่าผม
     ผมเป็นรังแค
                 เกิด จากหนังศีรษะที่แห้งและแตกเป็นขุยเนื่องจากความระคายเคือง การชะล้างแชมพูหรือครีมนวดผมออกไม่หมดจนเกิดการระคายเคืองหนังศีรษะ หรือเกิดจากความเครียด ทำให้ภูมิต้านทานลดลงจนเกิดเชื้อราขึ้น เชื้อรานี้จะเป็นสาเหตุของรังแคซึ่งแก้ไขได้ค่อนข้างยาก
     ผมฟู
                ลักษณะผมชนิดนี้จะดูแห้งขาดความชุ่มชื้น ขาดน้ำหนัก
    ผมธรรมดา
                 ลักษณะ ทั่วไปจะง่ายต่อการจัดทรง มีการหล่อเลี้ยงของไขมันบนหนังศีรษะอย่างสมดุล ทำให้เส้นผมเรียบลื่น เงางาม ไม่มันจนเกินไปและยังไม่มีปัญหาเรื่องรังแคหรือหนังศีรษะแห้งด้วย
     ผมเส้นเล็ก
                ลักษณะผมเป็น เส้นเล็กดู กระจัดกระจาย ไร้น้ำหนัก ผมดูลีบแนบหนังศีรษะ และจัดทรงยาก มักเกิดภาวะไฟฟ้าสถิตเสมอทำให้ผมดูกระจายไร้ทิศทาง